เมืองคุราชิกิเป็นเมืองที่หันหน้าเข้าทะเลเซโตะไนไก มีประชากรประมาณ 480,000 คน เป็นเมืองพ่อค้าในยุคเอโดะ เมืองอุตสาหกรรมสิ่งทอในยุคเมจิ และช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรม ด้วยสภาพอากาศอันเงียบสงบของทะเลเซโตะไนไกและผืนดินที่อุดมสมบูรณ์จากการไหลผ่านของแม่น้ำทาคาฮาชิกาวะ ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเกษตรกรรมและการประมง
เมืองคุราชิกิเป็นเมืองที่มีบรรยากาศที่ต่างกันออกไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น “บริเวณคุราชิกิ” เป็นที่ตั้งของเขตคุราชิกิบิคังซึ่งมีอาคารบ้านเรือนผนังสีขาวและมีทิวต้นหลิวที่งดงาม, “บริเวณมิซูชิมะ” ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมชั้นนำของญี่ปุ่น, “บริเวณโคจิมะ” ซึ่งโอบล้อมไปด้วยทัศนียภาพที่งดงามของทะเลในซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเซโตะไนไก, “บริเวณทามาชิมะ” ซึ่งยังคงหลงเหลือบรรยากาศเมืองแบบย้อนยุคของเมืองท่าเรือที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีต, “บริเวณฟูนาโอะ” ซึ่งเป็นแหล่งผลิตองุ่นมัสคัตและดอกสวีทพีขนาดใหญ่ และ “บริเวณมาบิ” ซึ่งเป็นเมืองที่เงียบสงบและมีป่าไผ่ที่งดงาม ฯลฯ
ในอดีตคุราชิกิเป็นเมืองที่ถูกปกครองรัฐบาลของโชกุนในยุคเอโดะโดยตรงที่เรียกว่า “เทนเรียว” และเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในฐานะเป็นแหล่งรวมสินค้าชนิดต่างๆ
โกดังกำแพงสีขาว บรรยากาศยุคเอโดะ ทิวต้นหลิวเลียบแม่น้ำคุราชิกิกาวะ …
เมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะมาเยือนกี่ครั้งก็ยังมีสิ่งใหม่ๆ ให้ค้นหา และนั่นก็คือ คุราชิกิ
คุราชิกิมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นเมืองแห่งกำแพงสีขาว เมืองแห่งวัฒนธรรมและยังคงพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง
และเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมและศิลปะ ทั้ง “คุราชิกิ ไอวี่สแควร์” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของอดีตโรงงานทอด้ายคุราชิกิโบเซกิ หรือ “พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮาระ” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แนวตะวันตกแห่งแรกของญี่ปุ่น
ยีนส์ที่มีต้นกำเนิดในอเมริกา ได้ถูกนำมาผลิตในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกที่โคจิมะ
โคจิมะซึ่งเป็นเมืองที่เกิดขึ้นจากการถมทะเลได้มีการปลูกฝ้ายอย่างแพร่หลาย ปัจจุบันก็ยังคงเป็นเมืองสิ่งทอที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยมีรากฐานจากอุตสาหกรรมการทอและเทคนิคการตัดเย็บผ้าฝ้าย
คุราชิกิซึ่งเคยเป็นศูนย์รวมในการจัดส่งสินค้าในฐานะที่เป็นเทนเรียว มีสินค้าท้องถิ่นที่ดีเยี่ยมมากมายซึ่งได้จากทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์
สินค้าท้องถิ่นของคุราชิกิที่ได้รับการเอาใจใส่และปกป้องโดยผู้คนที่อาศัยในเมืองแห่งนี้ ไม่ว่าสินค้าชนิดใดก็เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวและความอบอุ่น และยังคงได้รับความชื่นชอบจากผู้คนมากมายจวบจนปัจจุบัน
ชวนให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ทั้งที่พึ่งมาเยือนเป็นครั้งแรก
เมื่อเดินเที่ยวในทามาชิมะทำให้รู้สึกแบบนั้น
จากบรรยากาศยุคเอโดะซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณท่าเรือ เมื่อก้าวเข้าไปในตรอกเพียงหนึ่งก้าวกลับให้ความรู้สึกเหมือนเปลี่ยนยุคไปในสมัยโชวะ
ทามาชิมะเป็นเมืองที่มีบรรยากาศชวนให้นึกถึงความทรงจำเก่าๆ
ชิโมสึอิซึ่งหันหน้าเข้าหาทะเลเซโตะไนไก เป็นเมืองที่สร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับทะเลเซโตะไนไกอันเงียบสงบ
สามารถชมวิวพาโนราม่าในมุมกว้างของทะเลเซโตะไนไกได้จากภูเขาวาชูซัง
บรรยากาศบ้านเรือนในสมัยก่อนที่ทอดยาวจากท่าเรือชิโมสึอิยังเป็นที่รู้จักในฐานะเขตอนุรักษ์ภูมิทัศน์เมืองอีกด้วย
ฟูนาโอะซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำทาคาฮาชิกาวะ ถูกโอบล้อมไปด้วยแม่น้ำและกระแสน้ำเชียวกราก
ด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่นและน้ำที่อุดมสมบูรณ์ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้และดอกไม้
ทั้งดอกสวีทพีสีสันสดใส การผลิตไวน์องุ่นมัสคัต และผลไม้ เช่น องุ่นพิโอเน่ ฯลฯ
สถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับปราชญ์และขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ในยุคนารา “คิบิโนะ มากิบิ” และเป็นเมืองที่นักเขียน มาซาชิ โยโกะมิโซะได้เขียนเรื่องราวตัวละครนักสืบที่มีชื่อเสียง “โคสุเกะ คินดะอิจิ” ขึ้น
เมื่อตามรอยประวัติศาสตร์และวรรณกรรมซึ่งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ที่งดงามของป่าไผ่และทุ่งนา จะทำให้ท่านสัมผัสได้ถึงเสน่ห์เฉพาะตัวของดินแดนแห่งนี้
มิซูชิมะ ได้ถูกพัฒนาให้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบหลังจากสิ้นสุดสงคราม ในปัจจุบันบริษัทหลายแห่งได้เข้ามาตั้งโรงงานที่นี่ ทำให้ที่นี่กลายเป็นเขตอุตสาหกรรมชายฝั่งชั้นนำของญี่ปุ่น รู้จักกันในชื่อมิซูชิมะคอมเพล็กซ์
ทิวทัศน์อันงดงามยามค่ำคืนที่โรงงานเหล่านั้นสร้างขึ้นมาได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น “มรดกทางทิวทัศน์ยามค่ำคืนของญี่ปุ่น”
